หากใครที่เคยเห็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่มองดูแล้วจะเหมือนหนูก็ไม่เชิงจะเหมือนกระต่ายก็ไม่ใช่นั้น ให้รู้ไว้เลยค่ะว่าเขามีชื่อว่า ‘ชินชิล่า’ ซึ่งเป็นสัตว์ที่หาชมได้ยากมาก ๆ ในประเทศไทย โดยความน่ารักของเขานั้นก็ทำให้ใครหลาย ๆ คน มีความรู้สึกชอบไปโดยไม่รู้ตัว และวันนี้บทความของเราก็ได้นำเอาความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับชินชิล่ามาแชร์ให้ทุกท่านได้ดูกันค่ะว่าจะมีอะไรที่น่าสนใจเกี่ยวกับสัตว์ที่มีชื่อว่าชินชิล่านี้กันบ้าง
พามาดู ‘ชินชิล่า’ กับความน่ารักที่คุณจะต้องหลง
สำหรับชินชิล่านั้นเชื่อว่าคงจะมีหลาย ๆ คน ที่เคยเห็นน้องมาบ้างแล้ว ซึ่งเขาก็จะเป็นหนูที่มีหูที่จะใหญ่และยาวกว่าหนูธรรมดาทั่วไปอยู่นิดหน่อย แต่เรื่องความน่ารักของเขานั้นบอกเลยว่ามาอย่างเต็มร้อยเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นเราก็มาดูสิ่งที่น่ารู้และน่าสนใจในหนูชินชิล่ากันเลยว่าจะมีอะไรที่น่ารู้เกี่ยวกับเขากันบ้าง
ถิ่นกำเนิด
สำหรับเรื่องของถิ่นกำเนิดของชินชิล่านั้นก็มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เทือกเขาแอนดีส ในประเทศชิลี ซึ่งหนูสายพันธุ์นี้จะเป็นหนูที่มีขนนุ่มและสวยเป็นอย่างมาก และมันก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงศตวรรษที่ 15 และเกือบสูญพันธุ์ไปในช่วงศตวรรษที่ 17 แต่แล้วหลังจากปี ค.ศ.1923 วิศวกรเหมืองแร่ชาวอเมริกาที่มีชื่อว่า Mathias F. Chapman ก็ได้รับการอนุญาตจากประเทศชิลีให้นำเอาเจ้าหนูชินชิล่านี้เข้ามาในประเทศอเมริกาได้ ซึ่งเขาก็ได้นำเข้ามาถึง 11 ตัว ทำให้หนูชินชิล่าที่เกิดในอเมริกาส่วนใหญ่เป็นเผ่าพันธุ์ของชินชิล่าทั้ง 11 ตัวจากชิลีนั่นเอง
ลักษณะและนิสัย
ลักษณะของชินชิล่านั้นจะมีลักษณะที่อ้วนท้วม ซึ่งก็จะเป็นหนูที่มีขนปลกคลุมร่างกายที่ค่อนข้างหนาและปุกปุยมาก ๆ อีกทั้งยังมีลักษณะของขนาดตัวที่คล้ายหรือใกล้เคียงกับกระต่ายอีกด้วย จึงทำให้ใครหลาย ๆ คนต่างเรียกมันว่าหนูกระต่ายนั่นเองค่ะ และยังเป็นสัตว์ตระกูลฟันแทะเช่นเดียวกันอีกด้วย โดยเขาจะมีลักษณะของหูที่กว้างและใหญ่กว่าหนูชนิดอื่น ๆ แต่ก็จะไม่ยาวเทียบเท่ากับหูของกระต่าย ซึ่งก็เป็นจุดที่สามารถสังเกตได้อย่างชัดเจนในหนูชินชิล่านั่นเอง
ซึ่งนิสัยของชอนชิล่านั้นจะเป็นสัตว์ที่มักจะหากินในช่วงเวลากลางคืนค่ะ และในเวลากลางวันนั้นเขาก็จะนอนเสียส่วนใหญ่เลย โดยในช่วงเย็นนั้นเขาจะเริ่มที่จะวิ่งเล่นและเริ่มที่จะหาของกินแล้วค่ะ อีกทั้งยังมีนิสัยที่ชอบกัดแทะสิ่งของ ชอบสำรวจ และยังสามารถกระโดดได้ถึง 5 ฟุตเลยทีเดียว ซึ่งก็เป็นสัตว์เลี้ยงขนาดเล็กที่ควรเลี้ยงไว้ในกรงหรือบ้านหนูไม่ควรปล่อยไว้ข้างนอกเพราะมันอาจจะทำลายข้าวของ ซึ่งก็จะทำให้ได้รับความเสียหาย ไม่เพียงแต่ข้าวของภายในบ้านเท่านั้นแต่มันก็ยังเป็นอันตรายต่อตัวชินชิล่าอีกด้วย
อาหาร
สำหรับอาหารของชินชิล่านั้นก็จะมีทั้งอาหารเม็ดที่สำหรับสัตว์ขนาดเล้ก ไม่ว่าจะเป็น เมล็ดแฟร็กซ์ , พริกหยวก , หญ้าทิโมธี , รวมไปถึงพืชชนิดอื่น ๆ อีกด้วย และนอกจากนี้เขาก็ยังชอบกินหญ้าแห้งค่ะ ทั้งหญ้าทิโมธี , หญ้าอัลฟ่า , หญ้าออร์ชาร์ด , หรือต้นข้าวสาลี และนอกจากนี้ก็ยังมีหญ้าอีกหลายชนิดที่ชินชิล่านั้นสามารถทานได้อีกด้วยค่ะ นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารจำพวกขนมซึ่งเขาเป็นสัตว์ฟันแทะที่สามารถกินขนมได้อย่างหลากหลายค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ผลแอปเปิ้ลอบแห้ง , ลูกเกด , อัลมอนด์ รวมถึงถั่วชนิดต่าง ๆ อีกด้วย
และถึงแม้ว่าเขาจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่สามารถทานอาหารได้อย่างหลากหลาย แต่สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงนั้นก็คือการที่ไม่ควรให้ผักหรือผลไม้สดให้แก่เขา เพราะมันอาจจะทำให้เขาท้องอืดได้นั่นเอง และที่ร้ายแรงกว่านั้นคืออาจทำให้เขาตายได้อีกด้วย
การเลี้ยงดู
สำหรับการเลี้ยงชินชิล่านั้นก็มักที่จะเลี้ยงใกรงหรือบ้านหนู ซึ่งกรงของเขาก็จะมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ค่ะ เพื่ให้เหมาะกับขนาดตัวของเขาอีกทั้งยังทำให้เขาสามารถวิ่งเล่นได้อย่างสะดวก ที่ดีควรมีของเล่นที่จะช่วยให้เขาสามารถเล่นและออกกำลังกายได้ อีกทั้งต้องอย่าลืมที่จะให้อาหารอย่างตรงต่อเวลา ซึ่งกะเป็นตั้งแต่ช่วงเวลาเย็นที่เขาเริ่มออกมาวิ่งเป็นต้นไปเลยนั่นเอง อีกทั้งยังต้องใช้ทรายอาบน้ำจากขี้เถ้าภูเขาไฟเท่านั้น ซึ่งมันก็จะแตกต่างจากการเลี้ยงหนูแฮมสเตอร์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
และนี่ก็คือหนู ชินชิล่า ที่เราได้นำมานำเสนอให้ทุกท่านได้ดู ซึ่งก็ต้องบอกเลยค่ะว่าเห็นเพียงแค่รูปร่างและลักษณะของเขานี้ก็ทำเอาใครหลาย ๆ คน รู้สึกหลงรักไปกับความน่ารักของเขาเข้าแล้วอย่างแน่นอ เพราะฉะนั้นหากใครที่อยากมีเจ้าหนูชนิดนี้เอาไว้เป็นเพทน่ารัก ๆ แล้วล่ะก็ ลองหาซื้อมาเลี้ยงดูกันได้เลยค่ะ รับรองว่าน่ารักและเลี้ยงง่ายอย่างแน่นอนเลย
อ่านบทความ 10 อันดับ อาหารไก่ไข่ ยี่ห้อไหนดี เสริมสร้างสุขภาพไก่ให้ออกไข่ด๊กดก