เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปอะไร ๆ ที่เริ่มแปลกประหลาดก็กลับกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้น อย่างในสมัยก่อน ‘หมู’ เป็นเพียงสัตว์ที่นิยมนำมาทำอาหารอันเลิศรสเท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้ผู้คนบางส่วนกลับนิยมเลี้ยงหมูเป็นสัตว์เลี้ยงเสมือนสุนัขหรือแมว และไม่ใช่หมูธรรมดาเสียด้วย แต่เป็น ‘หมูแคระ’ ที่มีขนาดตัวเล็กจิ๋ว มองดูแล้วน่ารักมากกว่าจะกล้ากิน
เตรียมเลือกสายพันธุ์
หมูแคระ เป็นสัตว์เลี้ยงที่มีหลายสายพันธุ์ไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยงประเภทอื่น ๆ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 พันธุ์หลัก ๆ ได้แก่ มินิพิก ไมโครพิก และทีคัพพิก
–มินิพิก (Mini Pig) สายพันธุ์แท้จะมีน้ำหนักตัวประมาณ 60 กิโลกรัม เมื่อมีขนาดตัวที่โตเต็มที่จะมีสัดส่วนและลวดลายเหมือน ๆ กันทุกตัว จัดเป็นสายพันธุ์ที่อึด ถึก และทนทานสุด ๆ
-ไมโครพิก (Micro Pig) กับ ทีคัพ พิก (Teacup pig) ทั้ง 2 สายพันธุ์นี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นสายพันธุ์ที่หลุดไซซ์ น้ำหนักตัวจะไม่คงที่ แต่มีขนาดที่เล็กมาก มีลวดลายและสีผิวที่หลากหลาย
ส่วนวิธีการเลือกหมูแคระมาเลี้ยงในทุก ๆ สายพันธุ์นั้นควรเลี้ยงตั้งแต่อายุ 1 เดือนหรือ 1 เดือนครึ่ง เพราะจะทำให้น้องสามารถจดจำเจ้าของได้ ควรจะพิจารณาลูกหมูที่มีผิวเป็นสีอมชมพูรวมไปถึงรูก้น ขนมีความมันเงา จมูกมีความชุ้มชื้น ไม่แห้ง และควรเลือกตัวที่ไม่หายใจเสียงดัง มีความร่าเริงโดดเด่น ไม่นอนซึม
เตรียมที่อยู่อาศัย
เนื่องจาก หมูแคระ มีขนาดตัวที่เล็กแบบพอดี ๆ ไม่ต่างจากการเลี้ยงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นขนาดที่ใช้เป็นที่อยู่ของหมูแคระจึงไม่จำเป็นต้องใหญ่โตมากนัก แต่ควรแบ่งโซนกินอาหาร โซนขับถ่าย และโซนที่หลับนอนออกให้ชัดเจนเพื่อป้องกันความสกปรก ซึ่งน้องสามารถฝึกให้กิน ถ่าย นอนเป็นที่ได้ อันที่จริงสถานที่ในการเลี้ยงหมูแคระมีเพียงคอกล้อมรั้วให้พอประมาณหมูแคระก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้แล้ว และต้องรักษาความสะอาดให้ถูกสุขลักษณะอนามัยเท่านี้ก็เพียงพอ
เตรียมอุปกรณ์การเลี้ยง
แน่นอนว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการเลี้ยงหมูแคระก็คือถาดหรือชามใส่อาหารและน้ำไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยงทั่ว ๆ ไป และยังต้องมีเบาะนอนหรือผ้านุ่ม ๆ ไว้ให้หมูแคระได้ซุกตัวเกลือกกลิ้งไปมาด้วย เพราะเห็นอย่างนี้แต่เจ้าหมูตัวน้อยก็ชอบซุกผ้าอุ่น ๆ ให้สบายตัว ที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ก็คือถาดใส่น้ำสำหรับนอนแช่ตัว เพราะน้องหมูชอบเล่นน้ำคลายร้อน ซึ่งการตระเตรียมอุปกรณ์สำหรับเลี้ยงหมูแคระก็ไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อนเลย น่ารักไม่พอแถมยังเลี้ยงง่ายอีกต่างหาก
เตรียมอาหาร
หากใครเคยเลี้ยงหมูก็จะรู้มาบ้างว่าหมูสามารถกินได้ทุกอย่าง แต่ส่วนใหญ่ผู้เลี้ยงมักจะให้รำเป็นอาหาร ซึ่งนั่นเป็นอาหารที่เหมาะกับหมูธรรมดาทั่วไป สำหรับหมูแคระจะให้รำเป็นอาหารหลักก็คงจะไม่ได้ เพราะว่าน้องจะขับถ่ายจนส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง อาหารที่ดีที่สุดสำหรับหมูแคระจึงเป็นผัก ผลไม้ อาจจะให้ข้าวกล้องหรือข้าวบาร์เลย์ผสมด้วยได้ หากเลี้ยงหมูแคระตั้งแต่ยังเล็ก ๆ สามารถให้น้องกินนมได้ แต่ก็ควรหยุดให้นมเมื่ออายุครบ 2 เดือน เนื่องจากจะทำให้หมูมีขนาดตัวที่ใหญ่เพราะได้รับแคลเซียมเต็มที่ หากให้นมต่อไปเกรงว่าน้องจะกลายเป็นหมูตัวใหญ่บึกบึนได้
สิ่งที่ต้องรู้อีกอย่างคือหมูแคระสามารถกินได้ตลอดเวลา ผู้เลี้ยงจึงควรจัดแบ่งเวลาสำหรับให้อาหารแต่พอดี ไม่ตามใจจนให้เยอะจนเกินไป หรือนำอาหารสำหรับคนแบบอื่น ๆ ไปผสม เพราะจะทำให้หมูแคระกลายเป็นหมูอ้วนจริง ๆ แทนที่จะเป็นหมูแข็งแรงแบบตอนแรกพบกัน

เตรียมทำใจ
เนื่องจากหมูแคระเป็นหมูสายพันธุ์หนึ่งก็จะมีนิสัยที่ไม่ต่างจากหมูทั่ว ๆ ไป หากคิดจะเลี้ยงไว้สักตัวก็ต้องเตรียมใจไว้เลยว่าน้องอาจจะขับถ่ายไม่เป็นที่ สามารถกินไปถ่ายไปได้อยู่ตลอดเวลา และยังมีกลิ่นมูลหรือกลิ่นปัสสาวะที่เหม็นมาก หากผู้เลี้ยงให้อาหารอื่นที่นอกเหนือจากพืช ผัก ผลไม้ก็จะยิ่งทำให้มูลกับปัสสาวะมีกลิ่นแรงขึ้นอีก แต่อย่ากังวลไป เพราะน้องหมูแคระสามารถฝึกให้เชื่องได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้เลี้ยงจะต้องเป็นคนที่มีความอดทนพอสมควรเพราะน้องฝึกยากมากกว่าสุนัข หากอดทนได้นานพอก็จะกลายเป็นหมูที่เชื่อง น่ารัก จนอดตกหลุมรักซ้ำ ๆ ไม่ไหว
การเตรียมตัวเลี้ยงหมูแคระไม่ยากอย่างที่คิดเลย หากใครกำลังสนใจเลี้ยงน้องไว้สักตัวก็ไม่มีปัญหาใดใหญ่โต เพียงทำใจยอมรับในวันที่หมูแคระอาจจะไม่ได้แคระเท่าเดิมได้ ไม่ทอดทิ้งน้องไปก่อนก็ถือว่ามีหัวใจผู้เลี้ยงที่แท้จริง รู้อย่างนี้แล้วก็ไปหาน้องหมูมาเลี้ยงกันได้เลย!
อ่านบทความ 10 อาหารแฮมสเตอร์ ยี่ห้อไหนกินแล้วโตไว สุขภาพดี 2022
เครดิตรูปภาพทั้งหมด : www.pixabay.com