สำหรับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวาย รักความสงบ และอยากจะเลี้ยงสัตว์ไว้ดูเล่นสักตัว ‘ปลาทอง’ จึงเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงที่เหมาะที่จะเป็นตัวเลือกให้อย่างยิ่ง ซึ่งสัตว์ที่สุดแสนน่ารักเหล่านี้ก็มีสายพันธุ์ที่มีสีสันละลานตามากมายให้ได้เลี้ยงสรร จะเป็นอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย!
1.ปลาทองโคเมท
ปลาทอง พันธุ์โคเมท (Comet) ถือเป็นต้นตระกูลของปลาทองเลยก็ว่าได้ มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมที่อเมริกาโดยชื่อ ‘โคเมท’ นั้นหมายถึงดาวหาง บ่งบอกถึงลักษณะที่มีความเพรียวยาวเหมือนดาวหาง ในประเทศไทยและแถบเอเชียนั้นสายพันธุ์นี้กลับไม่ได้รับความนิยมและมีราคาต่ำ แม้ว่าปลาทองสายพันธุ์นี้จะเลี้ยงง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นมากก็ตาม เนื่องจากยังไม่มีจุดเด่นเพียงพอที่ทำให้มองดูสวยงามเหมือนกับสายพันธุ์อื่น ๆ รูปร่างของมันมีความคล้ายปลาคาร์ปแต่หางยาวกว่า ลำตัวแบนยาว ปลายคอดแหลม อาจจะมีสีแดงทั้งตัว สีแดงสลับขาว สีทอง หรือ 5 สีในตัวเดียวกันก็ได้ ขนาดเมื่อโตเต็มที่สามารถยาวได้ถึง 12 นิ้ว จัดว่าเป็นปลาทองสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่มากสายพันธุ์หนึ่ง มีความปราดเปรียว เลี้ยงง่าย แข็งแรง และมีความทนทานพอสมควร
2.ปลาทองริวกิ้น
ริวกิ้น (Ryukin) เป็นปลาทองที่ได้รับความนิยมเลี้ยงอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากมีรูปร่างและสีสันสวยงาม มีท่วงท่าในการแหวกว่ายน้ำที่น่าหลงใหล ลำตัวกลมสั้น หางแบนและยาวเป็นพิเศษ เมื่อแหวกว่ายน้ำส่วนของครีบจะบานเป็นสง่า ปลาทองริวกิ้นลักษณะที่ดีนั้นจะต้องมีส่วนหัวที่เล็ก โดยส่วนมากจะมีสีแดงและสีขาว แต่ก็อาจมีปลาทองริ้วกิ้นแบบ 3 สี ได้แก่ สีแดง ดำ ขาว หรือปลาทองริ้วกิ้นแบบ 5 สีที่มีสีฟ้ากับสีส้มแซมขึ้นมา ทั้งนี้ทั้งนั้นปลาทองริวกิ้นจะมีความเปราะบาง เลี้ยงยาก ไวต่ออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง หากอยู่ในน้ำที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเป็นระยะเวลานาน ๆ อาจทำให้กระเพาะลมในตัวปลาทำงานผิดปกติได้ จึงไม่เหมาะกับนักเลี้ยงปลามือใหม่
3.ปลาทองหัวสิงห์ญี่ปุ่น
สิงห์ญี่ปุ่น (Ranchu) เป็นปลาทองสายพันธุ์หนึ่งที่ได้รับความนิยมในการเลี้ยงเป็นปลาสวยงามสูง ไม่ว่าจะเลี้ยงที่บ้านก็ดี หรือนำไปประกวดก็มาก ต้นกำเนิดแน่นอนว่ามาจากประเทศญี่ปุ่น แล้วจึงพัฒนามาจากพันธุ์หัวสิงห์ของจีน มีลักษณะลำตัวสั้น หลังโค้งมน ครีบหางสั้นและเชิดขึ้น แลดูสง่า สายพันธุ์ญี่ปุ่นไม่ค่อยมีวุ้นบนหัว หรือมีน้อยกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ ปลาทองสิงห์ญี่ปุ่นที่สวยงามนั้นต้องมีส่วนหลังที่โค้งมนเป็นรูปครึ่งวงกลมเหมือนไข่ผ่าซีก ดูจากด้านข้างแล้วลำตัวปลาต้องกว้าง หัวไม่ทิ่มหรือต่ำลงไป การว่ายน้ำต้องสมดุล มีความสง่างาม
4.ปลาทองหัวสิงห์สยาม
ปลาทองพันธุ์หัวสิงห์สยามหรือหัวสิงห์ดำตามิด (Siamese Lionhead) มีต้นกำเนิดมาจากประเทศไทย โดยเริ่มขึ้นที่สหกรณ์ปลาสวยงามจาก จังหวัดราชบุรี พัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาจากสายพันธุ์หัวสิงห์จนได้เป็นสายพันธุ์แท้ที่มีความนิ่งและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ปัจจุบันสิงห์ดำตามิดเป็นปลาทองอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมเลี้ยงกันมาก ในตลาดปลาสวยงามมักพบปลาทองสายพันธุ์นี้ขายอยู่เสมอ ๆ ลักษณะจะเป็นปลาทองลูกผสมที่มีความคล้ายปลาทองพันธุ์สิงห์ญี่ปุ่น แต่ลำตัวไม่หนามาก มีความบึกบึน แข็งแรง และวุ้นเยอะจนเกือบปิดตา ที่สำคัญมีสีเทาหรือสีดำสนิททุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นตัว ครีบ เหงือก วุ้น และเมือก
5. ปลาทองหัวสิงห์จีน
ปลาทองหัวสิงห์จีน (Chinese Lionhead) ถือเป็นต้นตระกูลของปลาทองพันธุ์หัวสิงห์ทั้งหมด มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน ลักษณะลำตัวค่อนข้างยาว แต่หัวใหญ่กว่าตัวมาก มีหลังโค้งเล็กน้อย แต่โค้งเยอะกว่าพันธุ์สิงห์ญี่ปุ่น ไม่มีครีบที่หลัง ส่วนหางหนา ใหญ่ ยาว อ่อน และเป็นแนวเดียวกับสันหลัง จุดเด่นคือมีวุ้นที่หัวเยอะและหนากว่าหัวสิงห์สายพันธุ์อื่น มักจะมีสีแดงหรือสีส้มแกมทอง ตัวโตตามขนาดบ่อที่เลี้ยง เฉลี่ยประมาณ 15 เซนติเมตร
6.ปลาทองออรันดาหัววุ้น
ปลาทองพันธุ์ออรันดาหัววุ้น (Dutch Lionhead) เพาะพันธุ์ขึ้นมาในประเทศญี่ปุ่น และถูกเรียกว่า “ออรันดาชิชิกาชิระ” เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ผู้คนนิยมเลี้ยงสูงมาก และเป็นสายพันธุ์ยอดฮิตในตระกูลออรันดา มีลักษณะเด่นคือมีวุ้นเล็กละเอียดบนหัวเยอะจนเป็นก้อนกลม ๆ คล้ายสวมหมวก ครีบบนหลังและหางแผ่กว้าง ส่วนใหญ่มีสีแดงหรือสีขาวปนแดง เมื่อมองจากส่วนหัวจะมีลักษณะคล้ายกับฟองสบู่ ปลาทองออรันดาไม่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษมากนัก โดยทั่วไปมักจะอยู่ในน้ำอุณหภูมิ 17 – 28 องศาเซลเซียส แต่ไม่ควรเลี้ยงไว้ในที่เดียวกับปลาตัวที่มองเห็นได้ปกติ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการมองเห็นทำให้ถูกปลาตัวอื่นแย่งกินอาหารหมดก่อน
7. ปลาทองเล่ห์
ปลาทองพันธุ์เล่ห์หรือปลาทองพันธุ์มัว (Black Telescope Eyes Goldfish หรือ Black Moor) อยู่ในกลุ่มปลาทองตาโปน แต่ก็ไม่ได้โปนมากนักเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นในกลุ่มเดียวกัน คนไทยบางคนเรียกว่า ลักเล่ห์ ลักษณะเด่นคือดวงตาที่โปนยื่นออกมาจนดูคล้ายกับกล้องส่องทางไกล หรือกล้องดูดาว มีสีดำสนิททั้งตัวและครีบ สามารถแบ่งย่อยลงไปได้อีกตามลักษณะลำตัวและหาง เช่น เลห์กระโปรง เล่ห์ตุ๊กตา เล่ห์ควาย และเล่ห์หลังอูฐ เป็นตัน
8. ปลาทองตาลูกโป่ง
ปลาทองตาลูกโป่ง (Bubble Eye Goldfish) มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน ส่วนใหญ่มีสีแดงหรือสีขาวปนแดง ลักษณะลำตัวคล้ายกับพันธุ์หัวสิงห์จีน ไม่มีวุ้นที่หัว ไม่มีครีบที่หลัง และครีบหางมีความยาว แต่ที่เบ้าตาจะมีถุงน้ำขนาดใหญ่ที่โปร่งแสงและขนาดเท่ากันติดอยู่ใต้ตาซึ่งเป็นลักษณะเด่นที่สุด และมักจะแกว่งไปมาเวลาว่ายน้ำจนดูเหมือนลูกโป่ง สิ่งที่ต้องระวังที่สุดคืออย่าให้ถุงที่ตาแตกเพราะจะทำให้เสียการทรงตัว ติดเชื้อโรค และอาจถึงตายได้
9. ปลาทองเกล็ดแก้ว
ปลาทองพันธุ์เกล็ดแก้ว (Pearl Scale Goldfish) เพาะพันธุ์ครั้งแรกในประเทศไทย มีลักษณะลำตัวอ้วนกลมหรือป้อมสั้นคล้ายลูกกอล์ฟ แต่หัวเล็กแหลม เกล็ดทุกเกล็ดจะปูดนูนออกมา ทั้งยังมีความหนาและแข็ง ครีบหางแผ่กางออก ส่วนใหญ่มีสีขาว สีส้ม และสีทอง สามารถแบ่งย่อยลงไปได้อีกหลายสายพันธุ์ เช่น เกล็ดแก้วหน้าหนู เกล็ดแก้วหัววุ้น และเกล็ดแก้วหัวมงกุฎ เป็นต้น จากลักษณะพิเศษที่แปลกไม่มีใครเหมือนนี้ก็ทำให้ปลาทองเกล็ดแก้วดังไปไกลทั่วโลก
ปลาทอง ทั้ง 9 สายพันธุ์นี้เรียกได้ว่าน่ารักเลี้ยงมาก ๆ สำหรับใครที่ชื่นชอบปลาอยู่แล้วก็ไม่ควรพลาด แม้จะเป็นมือใหม่ที่สนใจเลี้ยงสัตว์ที่สงบ ๆ สักตัวการเลี้ยงปลาทองก็นับเป็นตัวเลือกที่ดี
อ่านบทความ เม่นแคระ วิธีเลี้ยงสำหรับมือใหม่ที่อยากดูแลเจ้าตัวก้อนขนหนาม
เครดิตรูปภาพทั้งหมด : www.google.com
Credit : แบบบ้าน , เครื่องดนตรีสากล , แม่และเด็ก , เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ , มอเตอร์ไซค์