แมวแต่ละตัวนั้นมีนิสัยในการกินอาหารที่แตกต่างกันออกไป และแต่ละตัวหรือแต่สายพันธุ์ก็ต้องการอาหารที่ไม่เหมือนกันด้วย ซึ่งการให้ อาหารลูกแมว ในช่วงวัยต่าง ๆ นั้นก็มีหลักการที่คล้าย ๆ กัน แล้วจะมีอะไรบ้างนั้นไปอ่านกันเลยดีกว่า
ให้อาหารตามช่วงวัยต่าง ๆ ของลูกแมว
สิ่งสำคัญเป็นอันดับแรกในการให้อาหารลูกแมวก็คือการสังเกตดูว่าลูกแมวอยู่ในช่วงอายุประมาณเท่าไหร่ เพราะลูกแมวแต่ละช่วงวัยนั้นต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะลูกแมวแรกเกิดนั้นจำเป็นจะต้องให้กินนมจากแม่แมวอยู่เสมอ ซึ่งก็มีวิธีแยกแยะการให้อาหารลูกแมวในแต่ละช่วงวัยดังนี้
1.ลูกแมวอายุต่ำกว่า 4 สัปดาห์
ลูกแมววัยนี้ยังต้องการอยู่ใกล้ชิดแม่และบรรดาพี่น้องในครอกอยู่ เพราะร่างกายของลูกแมวยังไม่สามารถปรับอุณหภูมิด้วยตัวเองได้ดีเท่าที่ควร ลูกแมวจึงต้องการกกตัวอยู่กับแม่เพื่อเพิ่มความอบอุ่น แต่หากมีเหตุการณ์บางอย่างทำให้คุณได้ลูกแมววัยนี้มาเลี้ยงก็ควรดูแลด้วยการรองผ้าปูหนา ๆ ไว้ให้ลูกแมวเพื่อให้ความอบอุ่น ส่วนในเรื่องของอาหารนั้นต้องให้นมทุก ๆ 2 ชั่วโมง ซึ่งมีอาหารทดแทนนมสำหรับแมวหลายยี่ห้อมากมาย แต่โดยส่วนใหญ่แล้วคนเลี้ยงมักนิยมให้นมแพะแทนนมจากแม่แมว แต่ที่สำคัญคือห้ามให้นมวัวกับลูกแมวเป็นอันขาด!
2.ลูกแมวอายุ 4 – 8 สัปดาห์
ลูกแมววัยนี้เริ่มหย่านมจากแม่แมวได้บ้างแล้ว ผู้เลี้ยงสามารถเลือกให้อาหารลูกแมวแสนอร่อยให้กับลูกแมวได้ตามใจชอบ ซึ่งควรจะเลือกยี่ห้อที่ให้สารอาหารเข้มข้นและมีพลังงานสูง เนื่องจากเป็นช่วงอายุที่อยู่ในวัยกำลังซนนั่นเอง โดยจะต้องเป็นอาหารลูกแมวที่มีโปรตีนสูง หากมากถึง 40% ได้จะยิ่งดีต่อลูกแมว ซึ่งควรเลือกที่มีเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่ายอย่างไก่จะเป็นประโยชน์ต่อลูกแมวที่สุด และยังต้องมี DHA ที่เป็นสารที่พบในน้ำนมแม่แมวด้วย เพราะจะทำให้ลูกแมวมีพัฒนาการทางสมองและสายตาที่ดีขึ้น
3.ลูกแมวอายุ 2 – 4 เดือน
ช่วงวัยนี้ลูกแมวจะมีการเจริญเติบโตที่ไวขึ้นแบบมาก ๆ และยังใช้พลังงานสูงกว่าแมวโตเต็มวัยถึง 3 เท่า ลูกแมววัยนี้จึงต้องการอาหารลูกแมวที่มีโปรตีนสูง ผู้เลี้ยงจึงควรเลือกยี่ห้อที่ทำสูตรเฉพาะสำหรับลูกแมวอายุเท่านี้เพราะจะให้สารอาหารที่เหมาะสมได้มากกว่า โดยส่วนใหญ่อาหารแมวแต่ละยี่ห้อมักจะทำสูตรสำหรับแมวอายุ 1 เดือนถึง 1 ปีมาให้
4.ลูกแมวอายุ 4 – 6 เดือน
ลูกแมววัยนี้ยังคงมีสถานะเป็นลูกแมวที่อยู่ในช่วงวัยสุดท้ายก่อนจะก้าวข้ามไปเป็นวัยรุ่นเต็มตัว ซึ่งอาหารสำหรับช่วงวัยนี้นั้นสามารถให้แบบเดียวกับวัย 2 – 4 เดือนได้เลย แต่จะสลับกับการให้บาร์ฟแมวเพิ่มขึ้นมาเพื่อเสริมความแข็งแรง และช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติให้ลูกแมวก็ได้ เนื่องจากแมวเป็นสัตว์กินเนื้อการให้กินบาร์ฟจะทำให้ลูกแมวได้รับสารอาหารที่เต็มที่มากกว่านั่นเอง
ประเภทอาหารที่เหมาะกับลูกแมว
เนื่องจากลูกแมวเป็นแมวที่อยู่ในวัยกำลังเติบโตและมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง อาหารที่ให้จึงต้องมีคุณค่าทางโภชนาการเพื่อให้ลูกแมวได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งลูกแมวที่อายุ 4 – 8 สัปดาห์แล้วสามารถฝึกให้กินอาหารเม็ดได้เลยเพื่อให้คุ้นชิน แต่หากแมวยังไม่ยอมกินก็สามารถแบ่งผสมกับอาหารเปียกก่อนได้ แล้วค่อย ๆปรับเพิ่มขึ้น ๆ จนลูกแมวได้กินอาหารเม็ดเต็มตัว โดยอาหารลูกแมวที่เหมาะสมนั้นจะต้องเลือกอาหารที่มีส่วนประกอบของกรดไขมัน ทอรีน ดีเอชเอ หรือกรดอะมิโน เนื่องจากเป็นสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาสายตา หัวใจ สมอง ภูมิคุ้มกัน และระบบการย่อยอาหารที่ทำให้ลูกแมวเจริญเติบโตและมีสุขภาพที่ดี
ปริมาณอาหารที่ควรให้ต่อวัน
หากลูกแมวของคุณเป็นแมวปกติทั่วไป ไม่ได้มีโรคประจำตัวหรือต้องระมัดระวังเรื่องการกินที่พิเศษไปกว่าแมวตัวอื่น ๆ ปริมาณอาหารสำหรับลูกแมวที่เหมาะสมนั้นต้องจำแนกตามช่วงวัยเช่นกัน อย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่าลูกแมวที่มีอายุต่ำกว่า 4 สัปดาห์นั้นควรให้กินนมทุก ๆ 2 ชั่วโมง ส่วนลูกแมวที่อายุ 1 เดือนขึ้นไปตามธรรมชาติแล้วจะกินอาหารด้วยการแบ่งเป็นมื้อย่อย ๆ 10 – 20 มื้อต่อวัน ดังนั้นผู้เลี้ยงจึงสามารถเทอาหารทิ้งไว้ให้ลูกแมวได้เลย ลูกแมวจะเลือกมากินตามเวลาเองตามสัญชาตญาณ
ตำแหน่งจานอาหารต้องถูกต้อง
สิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องเรียนรู้อีกเรื่องก็คือแมวมีสัญชาตญาณที่คอยระวังอันตรายในทุก ๆ ครั้งที่กินอาหาร แม้จะถูกดัดแปลงพันธุกรรมมาพอสมควรแล้วแต่แมวทั้งหลายก็ยังคงมีนิสัยนี้แฝงไว้อยู่ ดังนั้นควรจะวางชามอาหารไว้ในตำแหน่งที่โล่ง ๆ หรือที่ที่แมวสามารถมองเห็นโดยรอบได้ง่าย ๆ จะทำให้ลูกแมวกินอาหารได้อย่างมีความสุขและกินได้อย่างเต็มที่ ที่สำคัญควรวางชามอาหารกับโซนขับถ่ายให้ห่างจากกันเข้าไว้ เพื่อลดโอกาสเกิดเชื้อโรคปะปนลงไปในอาหารได้ง่าย
การให้ อาหารลูกแมว นั้นไม่มีความยุ่งยากเลยเพราะแมวเป็นสัตว์ที่รักอิสระสูง ต่างจากสุนัขที่อาจจะต้องเข้มงวดเรื่องเวลาในการให้อาหารหรือปริมาณอาหาร แต่อย่างไรก็ตามเมื่อลูกแมวเริ่มโตเต็มวัยมากขึ้นก็ควรจะให้อาหารที่เหมาะสมตามช่วงวัย เพราะแมวบางตัวก็ไม่มีนิสัยแบ่งกินอาหารเป็นมื้อ ๆ บางตัวสามารถกินหมดได้รวดเดียวไม่ว่าจะให้ปริมาณเท่าไหร่ก็ตาม ฉะนั้นผู้เลี้ยงจึงควรสังเกตนิสัยของแมวที่บ้านอยู่เสมอ
อ่านบทความ 10 อันดับ อาหารแมว ยี่ห้อไหนดี คัดสรรมาแล้ว ทาสแมวควรซื้อ 2022
เครดิตรูปภาพทั้งหมด : www.pixabay.com